โชเซ่ มูรินโญ่ กล่าวว่า เชื้อเพลิงสำคัญที่เป็นแรงผลักดันของพวกเขาในการเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูโรป้าลีก คือการกล่าวก่อนเกมในนัดเจอ เซลต้า บีโก้ ว่าเป็นนัดสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร
ประตูนำ 1-0 จากนัดแรกของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่บ้านของ เซลต้า และลูกโหม่งของ มารูยาน เฟลไลนี่ ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ทำให้สถานการณ์ทีมได้เปรียบในการเข้ารอบ
แต่ลูกทีมของ มูรินโญ่ ก็ไม่สามารถปิดเกมได้ โดย เซลต้า ได้ประตูตีเสมอจาก ฟาคุนโด้ รอนคาญ่า ก่อนที่ตัวเขา และ อีริค ไบยี่ จะมีเรื่องกันจนถูกไล่ออกจากสนามทั้งคู่
ทีมเจ้าบ้านอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด พยายามขึงเกมรับจนถึงจังหวะสุดท้ายที่ จอห์น กุยเด๊ตติ พลาดโอกาสทำประตูแบบจ่อๆ ก่อนที่ผู้ตัดสินจะเป่านกหวีดหมดเวลาในที่สุด
โดย แมนฯ ยูไนเต็ด เตรียมเข้าไปชิงกับ อาหยักซ์ วันที่ 24 พฤษภาคมนี้ ที่ สตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน และเป็นโอกาสดีที่สุด ที่ทีมจะคว้าโควต้าไปเล่น ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลหน้า โดย มูรินโญ่ ให้สัมภาษณ์ถึงความสำคัญของแมทช์นี้ว่า
“มันมีความหมายในแง่โอกาสในการคว้าถ้วยแชมป์ และโอกาสที่จะกลับไปเล่น แชมเปี้ยนส์ลีก มันคือโอกาสในการจบฤดูกาลนี้อย่างสมบูรณ์แบบ”
“อย่างที่ผมบอกว่ามันคือโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคนมีมา แต่เห็นได้ชัดว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยมีโอกาสอื่นในรอบรองชนะเลิศ หรือรอบชิง แชมเปี้ยนส์ลีก ชัดเจนว่านี่มันไม่ใช่แมทช์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร หรือของตัวผม มันเป็นแค่เส้นทางไปสู่ความสำเร็จเท่านั้น”
“สำหรับ เซลต้า บีโก้ มันสำคัญแบบนั้นแหละ มันสำคัญมากต่อเราเพราะเราเก็บผลการแข่งขันได้อย่างที่ตั้งใจ”
“ท้ายที่สุด เมื่อมันเป็นเกมที่ยาก เมื่อคู่แข่งเล่นได้ดีกว่าเรา เมื่อเราเล่นอย่างลำบากและทำได้ไม่ดีนัก ผมคิดว่าเรื่องสภาพจิตใจ ความปรารถนา ความเป็นหนึ่งเดียว ทำให้พวกนักเตะสู้จนเสียงนกหวีดสุดท้าย”
Comment