เทคโนโลยีดังกล่าวได้ถูกนำมาใช้ในนาทีที่ 88 จากจังหวะที่ ดิโอโก้ หลุยซ์ ซานโต้ ศอกใส่ ปิยพล ผานิชกุล ก่อนถูกผู้ตัดสิน ศิวกร ภูอุดม ใช้ VAR และชูใบแดงไล่ออกจากสนาม
“วันนี้การแข่งขันฟุตบอล ออมสิน ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์ คัพ 2018 เป็นครั้งแรกที่ ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ นำระบบ VAR หรือ Video Assistant Referee มาใช้เป็นครั้งแรก จากการที่ได้พูดคุยกับผู้ตัดสินที่เป็นผู้ช่วยที่อยู่ที่หน้าจอมอนิเตอร์ เหตุการณ์ การแข่งขัน และ คุณ เบนจามิน ตัน ที่เป็นผู้ดูแล คลับ ไลเซนซิงของบริษัท ไทยลีก จำกัด ก็ได้นั่งดูอยู่ในทุกเหตุการณ์ ซึ่งบางเหตุการณ์ก็น่าสงสัย หรือ 50-50”
“จากการใช้ VAR มาช่วยผู้ตัดสิน ก็ถือว่าประสบผลสำเร็จ ทำให้การตัดสินในวันนี้ เป็นการตัดสินที่ยุติธรรม และสามารถตอบคำถามได้ว่าลูกนั้นลูกนี้ ฟาวล์หรือไม่ฟาวล์ ก็ถือเป็นความสำเร็จของการพัฒนาวงการฟุตบอลแห่งประเทศ ถ้าหากระบบนี้เป็นที่ได้รับรองจากฟีฟ่า เราจะนำมาใช้ในการแข่งขันในฟุตบอลลีกต่างๆ และถ้วยต่างของประเทศไทยต่อไป” พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กล่าว
“คือผู้ตัดสินจะตัดสินใจใช้หรือไม่ใช้ เขาจะต้องได้รับการส่งสัญญาณจากคนที่นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ อย่างที่เห็นเหตุการณ์บางจังหวะที่มีผู้เล่นประท้วงเรียกฟาวล์ แต่ไม่มีการใช้ เพราะไม่ได้รับการเตือนจากภายใน เพราะฉะนั้นภายในจะเห็นได้ชัดกว่า คนดูในสนามอาจจะมองว่าฟาวล์ แต่ภาพช้า ซึ่งผู้ตัดสินสองคนที่นั่งหน้าจอบอกว่าไม่ฟาวล์ เขาจะส่งสัญญาณไปบอกว่าการตัดสินนั้นถูกต้อง หรือลูกสุดท้าย ที่มีการฟาวล์ของผู้เล่นบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แล้วผู้ตัดสินมาดู มอนิเตอร์ VAR เพราะว่าผู้ตัดสินข้างในส่งสัญญาณให้ดู”
“เพราะฉะนั้นการตัดสินมันจะสัมพันธ์กัน และการใช้เวลาการตัดสินใจก็ไม่นาน คิดว่าการตัดสินครั้งนี้ ด้วยการนำระบบ VAR ในอนาคตจะช่วยการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินเป็นที่ยอมรับ เชื่อถือว่าสามารถให้ความยุติธรรมในการแข่งขันได้ ต้องดูกันต่อไป เราอาจจะนำมาใช้ในโตโยต้า ไทยลีก บางเกม อะไรที่ส่งเสริม พัฒนาให้วงการฟุตบอลไทยเป็นที่ยอมรับ ผมจะทำสิ่งนั้น และสำคัญคือจะหาวิธีใช้เงินของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ อย่างคุ้มค่าที่สุด”
Comment