สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ให้การต้อนรับคณะการทำงานด้านการตรวจสอบ ของ สหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ
เอเอฟซี ที่เดินทางเข้ามาตรวจสอบและประเมินคลับ ไลเซนซิง ของสโมสรฟุตบอลในโตโยต้า ไทยลีก ประกอบไปด้วย สโมสรแบง
ค็อก ยูไนเต็ด, สโมสรบางกอกกล๊าส เอฟซี, สโมสรราชบุรี เอฟซี และสโมสรเชียงรายยูไนเต็ด
หลังจากเดินทางถึง ทั้งหมดได้ประชุมร่วมกัน นำโดย พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ, คุณ ศุภสิน ลีลาฤทธิ์ อุปนายกฝ่ายจัดการแข่งขัน, เบนจามิน ตัน ผู้อำนวยการฝ่ายคลับ ไลเซนซิงสมาคมฯ และ รองประธานฝ่ายบริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด, คุณ พาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศและโฆษกสมาคมฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย ประกอบด้วย มาร์เซล อิซาโกวิตซ์ และ โจเอิร์น ชลิมม์
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ กล่าวว่า “ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ขอต้อนรับที่ปรึกษาเรื่องคลับ ไลเซนซิง จากสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย ที่เดินทางมาตรวจสอบสโมสรสมาชิก ระหว่างวันที่ 26-29 มิถุนายน นี้”
“เราขอใช้โอกาสนี้กล่าวขอบคุณสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย ที่ให้การสนับสนุนพวกเราในการพัฒนาฟุตบอลในประเทศของเรา นี่เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้เรียนรู้จาก เอเอฟซี เพื่อพัฒนาฟุตบอลไทยให้ดีขึ้น เราสัญญาว่าเราจะทำงานกับเอเอฟซี เพื่อทำให้ฟุตบอลไทยอยู่ในมาตรฐานระดับเอเชีย และขอให้เจ้าหน้าที่ เอเอฟซี ทุกท่านสนุกกับการทำงานที่ประเทศไทยในครั้งนี้”
โดยคณะการทำงานดังกล่าว เป็นเจ้าหน้าที่จากบริษัทที่ปรึกษาของ เอเอฟซี ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการตรวจสอบโดยเฉพาะ พร้อมกับประสบการณ์ในระดับนานาชาติ และจะเข้ามาช่วย เอเอฟซี ในการตรวจสอบคุณภาพของสโมสรในทวีปเอเชีย รวมถึงเอกสาร คลับ ไลเซนซิง ที่แต่ละทีมได้ส่งเข้ามา โดยทางคณะการตรวจสอบจะเข้ามาสุ่มตรวจดูว่า เอกสารที่ทางสโมสรได้ส่งเข้ามานั้น มีความเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน
นอกจากการตรวจสอบเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบของ เอเอฟซี ยังมีการใช้ข้อมูลจากการตรวจสอบ เพื่อแนะนำถึงข้อปฏิบัติต่างๆ ที่สามารถเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมลีกฟุตบอลของแต่ละประเทศในทวีปเอเชีย รวมถึงไทยลีก ว่ามีจุดเด่น จุดด้อยตรงไหน และควรส่งเสริมจุดไหนเพิ่มมากขึ้น หรือส่วนไหนที่ต้องลดลง
คุณ พาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศและโฆษกสมาคมฯ กล่าวว่า “การตรวจสอบตรงนี้ ไม่ใช่ว่า เอเอฟซี จะมาจับผิดแต่อย่างใด แต่เป็นการทำให้ทุกอย่างมีโปร่งใสในการทำงาน และให้เป็นไปตามระเบียบ และมาตรฐานของ เอเอฟซี ซึ่งไม่ได้เป็นการเข้ามาตรวจสอบเพียงอย่างเดียว แต่จะมีการเข้ามาดูด้วยว่า ภาพรวมของลีกฟุตบอลในเอเชียนั้นเป็นอย่างไร”
“ในแต่ละประเทศมีความต้องการที่ไม่เหมือนกัน โดยจะมีการรวบรวมข้อมูลจากการตรวจสอบตรงนี้ แล้วส่งกลับไปให้ เอเอฟซี ดูว่าระเบียบของ เอเอฟซี นั้นตึงไป หรือหย่อนไปหรือไม่ แล้วก็จะมีการวิเคราะห์จากข้อมูลที่ได้มา ว่า จะต้องมีการปรับอะไรและอย่างไรบ้างเพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละประเทศในทวีปเอเชีย”
“ตัวอย่างเช่น เขาสนใจมากว่า ประเทศไทยมีการวิเคราะห์วิดีโอหรือมีการใช้ โซเชียล มีเดีย มากน้อยแค่ไหน ซึ่งทางคณะการทำงานการตรวจสอบ คลับ ไลเซนซิง ของ เอเอฟซี ได้เล็งเห็นถึงคุณภาพและจุดดีของลีกฟุตบอลในประเทศของเรา และได้แนะนำในเรื่องของ Stadium Experience เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและความดึงดูดให้กับไทยลีกมากยิ่งขึ้น”
รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศและโฆษกสมาคมฯ กล่าวต่อว่า “โดย Stadium Experience จะเป็นการส่งเสริมประสบการณ์ในการเข้าชมเกมฟุตบอลในสนามของแฟนบอล เป็นเทคโนโลยีในเรื่องของโมบายแอพ และดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง ทำให้รู้ว่าแฟนบอลคือใคร ชอบอะไร ถูกกระตุ้นให้เข้าสนามเพราะอะไร และอะไรที่สโมสรควรจะนำมาสนับสนุนทางการตลาด”
“ในปัจจุบัน สนามฟุตบอลในยุโรปจะกลายเป็นระบบดิจิตอลหมดแล้ว โดยจะมีแอปพลิเคชันที่แฟนบอลสามารถสั่งอาหารเข้ามาตรงที่นั่งได้เลย มีการโฆษณา และหากอยากดูข้อมูลการแข่งขันทั้งสถิติ ไฮไลท์ หรือรีเพลย์ ก็สามารถดูตรงนั้นผ่านแอพลิเคชันได้เลย ซึ่งในลีกระดับชั้นนำของโลกมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเสริมให้ฟุตบอลสนุกมากขึ้น และยังสร้างความประทับใจให้กับแฟนบอลมากขึ้นอีกด้วย”
“ไทยลีกก็ต้องคิดเพื่อระยะยาว เพราะลีกคือคอนเทนต์ที่ต้องมีความ สด ใหม่ และสนุกสนาน น่าดู น่าเข้าชม คุณภาพของเกมก็จะเกิดขึ้นจากการพัฒนาของสโมสรและบริษัทไทยลีกที่คอยสนับสนุน หากว่าเราดูซีรีย์ หรือ ภาพยนตร์ เนื้อหาเดิมๆ วันหนึ่งก็จะประสบปัญหาความจำเจ ดังนั้นไทยลีก, สมาคมฯ และสโมสรต้องคอยพัฒนาตลอดเวลา” คุณพาทิศ ศุภะพงษ์ กล่าวปิดท้าย
หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จากทางสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย จะประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่จากบริษัท ไทยลีก จำกัด เพื่อตรวจสอบคลับ ไลเซนซิงของสโมสรสมาชิกต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 26 – 29 มิถุนายน 2560
Comment