“โค้ชมิโล” มิโลวาน ราเยวัช กุนซือใหญ่ทัพ “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ยอมรับว่าช่วงเวลาที่กระชั้นทำให้เขาไม่สามารถเลือกผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาติดทีมได้มาก และต้องเรียกหน้าเก่าที่มีความเข้าใจแผนการเล่นอยู่แล้วมาก่อน
เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค ได้มีงานแถลงข่าวการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 46 อย่างเป็นทางการ โดยมี มิโลวาน ราเยวัช กุนซือทีมชาติไทย ร่วมด้วยนั้น
กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย กล่าวถึงการเลือก 23 ตัวผู้เล่นว่า “การที่เราเรียกนักเตะชุดเดิมมาติดทีม เพราะว่าเรามีเวลาคัดเลือกตัวนักเตะน้อย เนื่องจากการแข่งขันไทยลีก เพิ่งเปิดฤดูกาล ซึ่งนักเตะทั้งหมดนั้นรู้ระบบและวิธีการเล่นอยู่แล้ว ทำให้ไม่ได้ปรับตัวอะไรมาก นอกจากนี้เรายังมีการเรียกผู้เล่นดาวรุ่งบางคนมีติดทีม เพื่อสร้างรากฐานสู่อนาคตต่อไป ส่วนในการแข่งขันรายการต่อไปผมมั่นใจว่าจะมีผู้เล่นหน้าใหม่ๆ เข้ามาติดทีมชาติไทยแน่นอน”
“ส่วนการเรียก สิโรจน์ ฉัตรทอง และ สุพจน์ จดจำ เข้ามาติดทีมชุดนี้เพราะว่า สิโรจน์ เขามีความตั้งใจที่ดีในการฝึกซ้อมกับทีมชาติไทยทุกครั้ง รวมทั้งมีความกระหายที่จะลงสนาม ส่วน สุพจน์ นั้นเราเคยเรียกเขามาติดทีมชาติไทย เขามีความมุ่งมั่นที่ดี แต่เสียดายที่เขาบาดเจ็บไป เลยไม่มีโอกาสลงสนาม ซึ่งครั้งนี้เราจะได้เห็นฟอร์มการเล่นของเต็มๆ ส่วนการเลือกผู้เล่นกองหน้าคนอื่นๆ นั้นต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องยากมาก เพราะแต่ละสโมสรในไทยลีกล้วนใช้ผู้เล่นกองหน้าที่เป็นชาวต่างชาติ ทำให้ตัวเลือกนั้นมีน้อย”
“ขณะที่นักเตะที่เล่นในเจลีก นั้นผมติดตามดูฟอร์มการเล่นทุกคนอยู่แล้ว เกมที่ผ่านมา ธีราทร บุญมาทัน ได้ลงเล่น 90 นาทีให้ วิสเซิล โกเบ ถือเป็นเรื่องที่ดี ส่วน เจ กับ มุ้ย ผมก็ติดตามทุกคนตลอด เจ นั้นปรับตัวกับทีมได้แล้วและมีโอกาสลงสนามต่อเนื่อง ส่วน มุ้ย อยู่ระหว่างการปรับตัวกับเพื่อน ผมได้พูดคุยกับทั้งสามคนแล้ว”
“ส่วนสไตล์การเล่นนั้น ผมไม่ได้ระบุว่าจะต้องเล่นเกมรุกหรือเกมรับ เพราะว่าฟุตบอลต้องเล่นทั้งสองอย่างให้กลมกลืนกันอยู่แล้ว ดังนั้นเราต้องเล่นทั้งเกมรุกและเกมรับ เพื่อได้ผลการแข่งขันที่ดีครับ”
สำหรับการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ครั้งที่ 46 รอบแรกจะมีขึ้นวันที่ 22 มีนาคม 2561 คู่แรก ทีมชาติสโลวาเกีย พบกับ ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เวลา 16.30 น. คู่ที่สอง ทีมชาติไทย พบกับ ทีมชาติกาบอง เวลา 19.30 น. ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน ทั้ง 2 คู่ ส่วนรอบชิงชนะเลิศจะมีขึ้นในวันที่ 25 มีนาคม 2561 เวลา 19.30 น. ขณะที่คู่ชิงอันดับ 3 จะแข่งขันในเวลา 16.30 น. โดยเกมทุกนัดจะถ่ายทอดสดทางช่องไทยรัฐทีวี
Comment